1.เน้นความหลากหลาย อย่าวิ่งซ้ำ ๆ ทุกวัน เพราะการที่ออกกำลังกายซ้ำ ๆ ทุกวัน ร่างกายจะคุ้นชินและทำให้ไม่มีการสร้างกล้ามเนื้อมาเพิ่มเติมในการเผาผลาญ ดังนั้นแนะนำให้เพื่อนลองเปลี่ยนลักษณะการวิ่งให้แตกต่างกันบ้างครับ เช่น การวิ่งช้าสลับเร็ว วิ่งวันเว้นวัน ก็อาจจะเผาผลาญได้ดีกว่าวิ่งนาน ๆ ทุก ๆ วันก็ได้นะ
.
2.อย่าโหมหนัก เพราะการวิ่งเร็วไม่ได้บ่งบอกถึงความแข็งแรง นอกจากนี้โหมหนักไปอาจส่งผลให้เกิดอาการล้าและอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน
.

3.วิ่งเยอะไม่ได้แปลว่ากินเยอะได้ เพราะหลักในการลดความอ้วนคือเราต้องรับพลังงานให้น้อยกว่าพลังงานที่ใช้ ดังนั้นหากเราวิ่งมากและกินมากในเวลาเดียวกัน ผลต่างแคลอรีก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นถ้าใครที่ชอบรู้สึกหิวหลังจากวิ่ง แอดแนะนำให้วิ่งก่อนเวลาทานเข้า จะได้ไม่ต้องทานหลายมื้อครับ
.
4.ไตร่ตรองเรื่องโหลดคาร์บให้ดี การโหลดคาร์บคือการบริโภคคาร์โบไฮเดรตจำนวนหนึ่งเพื่อให้สะสมในร่างกายในรูปของไกลโคเจนเพื่อเตรียมไปสร้างพลังงานในการออกกำลังกาย .. อย่างไรก็ตามคนส่วนมากคำนวณปริมาณแคลอรีที่ได้จากการกินและเผาผลาญจากการวิ่งผิด เช่น บางคนอาจคิดว่าตัวเองเผาผลาญได้มาก และกินมาก เพราะคิดว่ายังไงก็เผาผลาญได้ แต่ความจริงอาจเผาผลาญได้เพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้ไม่ผอมลงได้
.

5.ลดการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเช่น เบียร์หรือไวน์ 1 กระป๋อง/แก้ว นั้นอาจให้พลังงานเฉลี่ยสูงถึง 120-150 แคลอรี นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังเก็บเป็นไขมันในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเราควรหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนบ้าง หรือว่าถ้ายังอยากดื่มแอลกอฮอล์ ก็อาจลองผสมกับโซดา เพื่อลดปริมาณน้ำตาล
.
6.ดูแลเรื่องไขมันดี จริงอยู่ที่ว่าร่างกายต้องการไขมันดีในการลดน้ำหนัก แต่คนจำนวนมากรับประทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะพร้าว อโวคาโด ถั่ว เกินปริมาณที่ควร หลายคนคงสงสัยต่อว่า..แล้วเท่าไหร่คือเยอะเท่าไหร่คือน้อย? … ใน 1 วันนั้นเราควรรับประทานไขมันทั้งหมด 44-66 กรัมครับ
.

7.เพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งระยะยาว การวิ่งน้อยกว่า 60 นาทีนั้น แค่ดื่มน้ำก็อาจเพียงพอ แต่ถ้าใครคิดจะวิ่งนานกว่านี้ การมีเครื่องดื่มเกลือแร่ก็จะช่วยรักษาให้ประสิทธิภาพในการวิ่งคงที่หรือดีขึ้นได้
.
แต่อย่าลืมนะครับ นอกจากออกกำลังกายแล้ว ที่สำคัญการดูแลทั้งการพักผ่อนและอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน