การวิ่ง 30 นาทีทุกวัน สามารถช่วยให้ผอมได้ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น น้ำหนักตัว ระดับความฟิต ความเร็วในการวิ่ง และความสม่ำเสมอในการวิ่งโดยทั่วไป การวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ซึ่งช่วยเผาผลาญแคลอรี่และไขมันส่วนเกินได้ โดยร่างกายจะดึงพลังงานจากน้ำตาลในเลือดมาใช้เป็นพลังงานในช่วง 15 นาที ก่อนจะดึงไขมันมาใช้เผาผลาญแทน หากเราวิ่งเพียงแค่ 15 นาที จะทำให้ร่างกายไม่ทันได้ดึงไขมันออกมาเผาผลาญได้ จึงสรุปได้ว่าการออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที ร่างกายจะใช้พลังงานจากไขมันเป็นหลักประมาณนาทีที่ 20 และจะใช้ไปเรื่อย ๆ จนถึงสิ้นสุดการออกกำลังกาย
ดังนั้น หากเราวิ่ง 30 นาทีทุกวันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่และไขมันส่วนเกินได้มากขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงได้
นอกจากนี้ น้ำหนักตัว ระดับความฟิต และความเร็วในการวิ่ง ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักจากการวิ่งเช่นกัน ผู้ที่น้ำหนักตัวมาก ระดับความฟิตต่ำ และวิ่งช้า จะสามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าผู้ที่น้ำหนักตัวน้อย ระดับความฟิตสูง และวิ่งเร็ว
ดังนั้น หากต้องการลดน้ำหนักจากการวิ่งให้ได้มากที่สุด ควรวิ่งอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที ความเร็วในการวิ่งควรอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป และควรเพิ่มความหนักในการวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความฟิตที่เพิ่มขึ้น
นอกจากการวิ่งแล้ว การควบคุมอาหารก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก ผู้ที่ลดน้ำหนักจากการวิ่งควรควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานให้เหมาะสมกับความต้องการพลังงานในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินได้มากขึ้น
ตัวอย่างการคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ควรรับประทานต่อวันสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักจากการวิ่ง
ผู้ชาย : 66.5 + (13.8 x น้ำหนักตัว) + (5.0 x ส่วนสูง) – (6.8 x อายุ)
ผู้หญิง : 655.1 + (9.6 x น้ำหนักตัว) + (1.8 x ส่วนสูง) – (4.7 x อายุ)
ตัวอย่างเช่น ผู้ชายอายุ 30 ปี น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ส่วนสูง 170 เซนติเมตร ต้องการพลังงาน 2,375 แคลอรี่ต่อวัน หากต้องการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ควรรับประทานให้เหลือ 2,075 แคลอรี่ต่อวัน
ดังนั้น การวิ่ง 30 นาทีทุกวันร่วมกับการควบคุมอาหารอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
